Saturday, March 12, 2016

เกี่ยวกับอำเภอเมืองเชียงราย


     อำเภอเมืองเชียงราย เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ที่มีศูนย์กลางการบริหาร ศูนย์กลางคมนาคม ศูนย์กลางธุรกิจ และศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรมล้านนาของจังหวัดเชียงราย นับเป็นหนึ่งในอำเภอเมืองที่มีความเจริญมากในภาคเหนือตอนบนรองจากอำเภอเมืองเชียงใหม่


                             http://www.hotsia.com/thailandmap/chiangrai2.jpg



คำขวัญ :
เมืองพญามังราย สายใยน้ำกก พระหยกล้ำค่า ไร่แม่ฟ้าหลวงรวมใจ น้ำตกใสขุนกรณ์
 
ประวัติความเป็นมา :
ประวัติความเป็นมา กษัตริย์ในราชวงศ์ละวะจักรราช (บางตำนานเรียกลาวจักรราช) ได้สืบสันติวงศ์ต่อจากปฐมกษัตริย์ผู้สร้างเมืองหิรัญนครยาง จนถึงเชื้อพระวงศ์พระนามว่า ลาวเมง หรือลาวเมือง ซึ่งต่อมาได้อภิเษกสมรสกับนางอั้งมิ่ง หรือนางเมพคำยาย(หรือนางเทพคำข่าย) และมีพระโอรสประสูติในปี พ.ศ.1781 พระนามว่า เจ้าเม็งราย (หรือเจ้ามังราย) ซึ่งได้ครองราชย์ต่อจากพระบิดาเมื่อปี พ.ศ.1804 และได้มีดำริที่จะรวมเมืองน้อยใหญ่ในแคว้นล้านนา (ภาคเหนือตอนบน)ให้เป็นหนึ่งเดียว จึงได้ยกทัพไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีและปราบปรามหัวเมืองต่างๆ และในช่วงที่ไปหัวเมืองฝ่ายใต้ เมื่อไปถึงดอยจอมทอง ริมน้ำกก เห็นเป็นชัยภูมิดี เหมาะแก่การป้องกันการรุกรานของทัพเม็งโกลที่กำลังแผ่อำนาจเข้าครองยูนนาน พม่า และตังเกี๋ย จึงทรงสร้างเมืองใหม่เป็นศูนย์กลางของแคว้นหิรัญนครเงินยางแทนเมืองยาง และตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า "เมืองเชียงราย" ในพ.ศ.2385 เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน ได้ขอพระราชทานตั้งเมืองใหม่ต่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และเมืองเชียงรายซึ่งถูกทิ้งร้างไปเมื่อครั้งพระยากาวิละทำสงครามกับพม่ ก็ได้รับการฟื้นฟู อีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นเมืองบริวารของเชียงใหม่ ต่อมาได้มีประกาศเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ให้รวมเมืองเชียงราย เมืองเชียงแสน เมืองฝาง เมืองพะเยา เวียงป่าเป้า แม่ใจ ดอกคำใต้ แม่สรวย เชียงคำ เชียงของ ตั้งเป็นหัวเมืองจัตวา เรียกว่า "เมืองเชียงราย" อยู่ในมณฑลพายัพ จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 6 ก็ได้ยกเลิกการปกครองแบบมณฑล เทศาภิบาล และมีประกาศตั้งเมืองเชียงราย เป็นจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่นั้นมา
 

ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอแม่จัน
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเวียงเชียงรุ้งและอำเภอเวียงชัย
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเทิง อำเภอป่าแดด อำเภอพาน และอำเภอแม่ลาว
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอแม่สรวย และอำเภอแม่อาย (จังหวัดเชียงใหม่)

พื้นที่ / ลักษณะภูมิอากาศ
 เนื้อที่ / พื้นที่       1,284.41      ตร.กม.
 สภาพภูมิอากาศ  เย็นสบายตลอดปี

 อาชีพ
 อาชีพหลัก            การเกษตรกรรม ค้าขาย รับจ้าง ช่าง บริการ รับราชการ
 อาชีพรอง             อุตสาหกรรมในครัวเรือน การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
                 
 การศึกษา
 โรงเรียนประถม  20           โรง
 โรงเรียนมัธยม    9              โรง
 วิทยาลัย / มหาวิทยาลัย   2              แห่ง
                                                 
 ประชากร
  จำนวนประชากรชาย         109,380 คน
  จำนวนประชากรหญิง      114,556 คน
  รวม     223,936 คน
  ความหนาแน่น   175         คน/ตร.กม.
                                 
 การเกษตรและอุตสาหกรรม
  ผลผลิตทางการเกษตร    ข้าว ข้าวโพด สับปะรด ลิ้นจี่ ลำใย พืชผักเมืองหนาว
  แหล่งน้ำสำคัญ   แม่น้ำกก แม่น้ำกรณ์ แม่น้ำลาว น้ำตกขุนกรณ์ น้ำตกโป่งพระบาท








Friday, March 11, 2016

สถานที่ท่องเที่ยวอำเภอเมือง

อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช King Mengrai Monument




      อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช  ตั้งอยู่ที่ถนนห้าแยกพ่อขุนเม็งราย ถนนเชียงราย-แม่จัน (ติดถนนซุปเปอร์ไฮเวย์) ในเขตเทศบาลนครเชียงราย จังหวัดเชียงราย ตามประวัตินั้น พ่อขุนเม็งรายเป็นกษัตริย์องค์ที่ 25 แห่งราชวงศ์ลวะ เป็นโอรสของพญาลาวเม็งและพระนางเทพคำขยาย หรือพระนางอั้วมิ่งจอมเมืองประสูติเมื่อวันอาทิตย์ แรม 9 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ พุทธศักราช 1782 และเสด็จสวรรคตที่เมืองเชียงใหม่ในปี พ.ศ. 1854 รวมพระชนมายุได้ 72 พรรษา สถูป (กู่) บรรจุพระอัฐิหรือ กู่พญามังรายมหาราช ตั้งอยู่ที่วัดงำเมือง





ไร่แม่ฟ้าหลวง Mae Fah Luang Art & Cultural Park






 & 


      ปัจจุบันนี้ ไร่แม่ฟ้าหลวงเป็นศูนย์รวมศิลปวัตถุของวัฒนธรรมล้านนา หรือวัฒนธรรมของคนไท (ชนกลุ่มน้อยทางภาคเหนือของไทย ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนหรือยูนาน ภาคตะวันออกของสหภาพเมียนมาร์ หรือในรัฐฉาน ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเวียดนาม และภาคตะวันตกของลาว) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง สถานที่เก็บรักษางานพุทธศิลป์เก่าแก่ โบราณวัตถุอายุนับศตวรรษ สถาปัตยกรรมล้านนา ศิลปวัตถุรังสรรค์จากไม้สัก และให้ความรู้เกี่ยวกับมรดกล้านนาในปัจจุบัน
 บนพื้นที่ 150 ไร่ของอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวงประกอบด้วยสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ เช่น



-
 หอคำ
 -
 หอคำน้อย
 -
 หอแก้ว
 -
 ลานพระรูปปั้นแม่ฟ้าหลวง
 -
 ศาลาแก้ว
 -
 ภูมิทัศน์อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง

บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร Ban Karieng Ruammit






      บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกกฝั่งซ้าย หมู่ 2 ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย นอกจากชาวกระเหรี่ยงแล้วยังมีหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่าและลาหู่ในระแวกใกล้เคียง หมู่บ้านกระเหรี่ยงเป็นหมู่บ้านขี่ช้างเที่ยวชมหมู่บ้านชาวเขา บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร มีหมู่บ้านบริวาร 1 หมู่บ้าน คือ บ้านดอยบ่อ 2 ( ชนเผ่าอาข่า ) บ้านรวมมิตรมีประชากรทั้งหมด 2,840 คน จำนวนครัวเรือน 1,549 ครัวเรือนประกอบไปด้วย ชนเผ่ากะเหรี่ย,อาข่า,ลาหู่,ลีซอ,ม้ง,ไทลื้อ 

กิจกรรมที่สำคัญ

1. กิจกรรมนั่งช้าง นั่งเกวียน ชมวิถีชีวิตชนเผ่า ทิวทัศน์ พันธ์ไม้ต่าง ๆ สามารถนั่งช้างไปยังน้ำตก 
ห้วยแม่ซ้ายได้
2.ชมร้านจำหน่ายของที่ระลึกจากฝีมือชาวเขาเผ่าต่างๆ
3.ชมการแสดงวัฒนธรรมชนเผ่า
4. พักหมู่บ้าน Home Stay ในพื้นที่หมู่

แหล่งที่มา:http://www.chiangraifocus.com/2012/guidebook/karenruammit/index.php

ไร่บุญรอด Boon Rawd Farm





     ไร่บุญรอด หรือสิงห์ปาร์ค เชียงราย เป็นไร่ของบริษัท บุญรอด ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ เส้นทางเดียวกับวัดร่องขุน อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงาม ภายในไร่บุญรอดมีการจัดแต่งสวนดอกไม้เมืองหนาวสีสันสวยงามนานาชนิด มีพื้นที่ เกษตรกรรมและไร่ชากว่า 600 ไร่  โดยจัดเป็นรูปแบบฟาร์มทัวร์ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาเยี่ยมชม ไร่บุญรอด ปลูกพืชหลายชนิด ตามความเหมาะสมกับสภาพดิน มีชาพันธุ์อู่หลง รวมทั้งแปลงเกษตรผสมผสาน และกิจกรรมต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส


ดอยดินแดง Doy Din Dang Pottery





     
      เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ  จากงานปั้นสู่งานศิลปะ ที่ อ. สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเซรามิค ชาวเชียงราย ได้สร้างสรรค์ไว้ให้การปั้นดิน กลายเป็นงานศิลปะ  อ.สมลักษณ์เรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตภาคพายัพ หรือที่เรียกกันคุ้นปากคนเชียงใหม่ว่า เทคโนตีนดอย  หลังจากเรียนจบ ปี 2532 ก็ไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ด้านเซรามิคกับอาจารย์ Twao Onuma และ Tarouemon Nakagato เป็นเวลา 5 ปีเต็ม  แล้วกลับมาตั้งหลักปักฐานที่เชียงราย เพื่อทำความฝันของตน ผลิตงานเครื่องเคลือบดินเผาที่ตนเองหลงไหล
     ในพิ้นที่บ้านดอยดินแดงแห่งนี้ แบ่งอาคารออกเป็นหลายส่วน โดยส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นบ้านดินผสมปูน  เหตุผลที่ใช้ดินผสมเข้าไปในปูนคือ การประหยัด  ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นสตูดิโอสำหรับโชว์ผลงาน ห้องแสดงงานเซรามิคอาร์ต  ห้องแสดงสินค้าประเภทตกแต่ง และส่วนโรงงานผลิตที่ชาวบ้านมาช่วยกันทำ และมีโชว์รูมจำหน่ายสินค้าที่ผลิตออกมาอีกด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทเทเบิ้ลแวร์ งานเซรามิคของดอยดินแดงแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ งานเซรามิคประเภทเครื่องถ้วย จาน ชาม ที่ใช้บนโต๊ะอาหาร รวมไปถึงแจกัน กระถาง และเครื่องประดับตกแต่งอาคาร  ที่นี่จึงมีทั้งนักท่องเที่ยว และบุคคลที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงานกันอยู่เป็นประจำแทบทุกวัน  นอกจากการเข้ามาศึกษาเรียนรู้ ดูงานศิลปะ งานปั้น เซรามิก ล่าสุดเจ้าของบ้านยังได้เปิดมุมร้านกาแฟแสนร่มรื่น สบายๆให้คอกาแฟทั้งหลายได้นั่งจิบเพลินๆ เคล้างานเซรามิกดีๆ ชิมเบเกอรี่อร่อยๆ อีกด้วย
แหล่งที่มา  http://chiangraiairportthai.com/th/populardestinations/338/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87


วนอุทยานดอยกาดผี Doi Kat Phi



http://pantip.com/topic/30459998


   วนอุทยานดอยกาดผี ตั้งอยู่บริเวณบ้านห้วยชมภู ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ลาวฝั่งซ้ายและแม่กกฝั่งขวา ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย มีเนื้อที่ประมาณ 6,250 ไร่ เป็นแหล่งที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สำคัญของราษฎรในท้องถิ่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทั้งฤดูร้อนและฤดูหนาว ตลอดจนเทศกาลและประเพณีต่างๆ
   กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาเห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะโดดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงาม เพื่อเป็นการสงวนคุ้มครองพื้นที่ให้คงอยู่ตลอดไป เพื่อประโยชน์เป็นแหล่งศึกษาวิจัยค้นคว้า และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน รวมทั้งเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมตลอดจนความหลากลายทางชีวภาพ สำหรับเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและอยู่อาศัยของสัตว์ป่า แหล่งอาหาร แหล่งนันทนาการ และการท่องเที่ยวทางธรรมชาติของประชาชน จึงได้นำเรื่องเรียนปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายยงยุทธ ติยะไพรัช) ให้ความเห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2549 และได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานดอยกาดผี เนื้อที่ 6,250 ไร่ ตามประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ 1509/2549 ลงวันที่ 29 กันยายน 2549

ถนนคนเดินเชียงราย chiang rai walking street





     ถนนคนเดินเชียงราย หรือ “กาดเจียงฮายรำลึก” มีกำหนดการเปิดในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 และมีทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 17.00 - 24.00 น. ณ บริเวณ ถนนธนาลัยตั้งแต่สี่แยกสำนักงานยาสูบเชียงราย ไปจนถึงสี่แยกธนาคารออมสิน สาขาเชียงราย ด้วยระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร

    เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตเมืองเชียงรายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน กลุ่มผู้ผลิตสินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ชุมชน มีสถานที่จำหน่ายสินค้า มีรายได้เพิ่มขึ้นซึ่งจะมีการจัดพื้นที่ 3 โซน ดังนี้

     โซนแรก เริ่มตั้งแต่สี่แยกธนาคารออมสิน สาขาเชียงราย ถึง สี่แยกศาลจังหวัดเชียงราย เป็นโซนที่จัดให้เป็นแหล่งรวมของชุมชน OTOP ชั้นนำของจังหวัดเชียงราย สินค้าโครงการหลวง สินค้าและผลิตภัณฑ์ของชาวเขา
     โซนที่ 2 เริ่มจากสี่แยกศาลจังหวัดเชียงราย ถึง สี่แยกสวนตุงและโคมจังหวัดเชียงราย มีการจำหน่ายสินค้างานทำมือ และหัตถกรรม งานฝีมือทั้งจากเยาวชนและประชาชน และบริเวณหน้าสวนตุงและโคม จัดให้มีลานกิจกรรม ข่วงผญา (แปลว่า ดินแดนแห่งปัญญา) [1] ซึ่งเป็นลานการแสดงภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนเชียงราย ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน เช่น หมอเมือง ฟ้อนรำตบมะผาบ (ฟ้อนเจิง) ตีกลองสะบัดชัย เป็นต้น ส่วนบริเวณถนนด้านข้างสวนตุง (ทิศตะวันตก) เป็นกิจกรรมสปานวดแผนไทยและสมุนไพรไทย และจุดบริการ
     โซนที่ 3 เริ่มต้นสี่แยกสวนตุงและโคม จังหวัดเชียงราย ถึง สี่แยกสำนักงานยาสูบเชียงราย มีการแสดงนิทรรศการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชน จำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด และของตกแต่งบ้านที่สวยงาม 

ประเพณีสำคัญของอำเภอเมือง

ประเพณีป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง หรือ เทศกาลสงกรานต์





     กำหนดให้มีตั้งแต่วันที่ 13-16 เมษายน โดยการเนรมิตถนนเล่นน้ำกลางเมืองเชียงราย ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น ทำบุญตักบาตรในช่วงเช้า สรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ขนทรายเข้าวัด สรงน้ำพ่อขุนเม็งรายมหาราช รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุแต่ละชุมชน ประกวดเทพีสงกรานต์ แข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ขบวนแห่ ประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง บนถนนเล่นน้ำคือ ถนนธนาลัย จะใช้เป็นถนนเพื่อการเล่นน้ำตลอดทั้งสาย โดยเทศบาลได้ออกแบบอุโมงค์ที่มีสายน้ำใสสะอาดพุ่งออกมาจากทั้งสองฟากถนน
รวมทั้งติดตั้งระบบน้ำพุ เพื่อสร้างสีสันบรรยากาศของความชุ่มฉ่ำของสายน้ำตลอดเทศกาล พร้อมกันนี้ได้จัดให้มีพิธีรดน้ำดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ และผู้สูงอายุ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความเคารพนับถือและความเป็นสิริมงคลตามประเพณีที่ชาวล้านนาได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา ตลอดทั้งเป็นการ่วมสืบสานวัฒนธรรมอันดีให้กับชนรุ่นหลัง


ประเพณียี่เป็งลอยกระทง




     จัดขึ้น ณ สนามฝึกนักศึกษาวิชาทหาร (สนาม รด.) เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี โดยจะมีการจัดงาน 2 วัน ในวันแรกจะมีกิจกรรมลอยกระทงเล็ก การประกวดหนูน้อยนพมาศ และวันต่อมาจะมีขบวนแห่กระทงที่ยิ่งใหญ่จากสวนตุง และโคมฯ ถนนธนาลัย สู่สถานที่จัดงาน และ มีการประกวดนางนพมาศ ประกวดโคม ประกวดกระทง พร้อมการแสดงบนเวทีอย่างตระการตา

โครงการจัดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง




     จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เป็นการจัดงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธไมตรีของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้แก่ ไทย ลาว จีน พม่า เวียดนาม และกัมพูชา เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม ประเพณีระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายและประเทศไทย รวมทั้งเป็นการสานสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านให้แนบแน่น เชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ เป็นการผูกมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน อันจะนำไปสู่การขยายฐานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีในปัจจุบันและอนาคตทางด้านการค้า การลงทุนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง จึงทำให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่และส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศ จัดขึ้นราวปลายเดือนตุลาคมหรือต้นพฤศจิกายนของทุกปี

ประเพณีอัญเชิญพระพุทธรูปแวดเวียงเจียงฮาย





     เป็นขบวนแห่พระคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญๆ ของวัดต่างๆ ประดิษฐานบนบุษบกแห่ให้ประชาชนสักการะบูชาโปรยข้าวตอกดอกไม้ในบ่ายวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี เพื่อเป็นศิริมงคลสำหรับเมืองเชียงราย ส่งท้ายปีเก่าที่กำลังจะผ่านไปและรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง แล้วตักบาตรในวันที่ 1 มกราคมตอนเช้ารับวันปีใหม่ ซึ่งมีพื้นฐานความคิดมาจากตำนานพระเจ้าเลียบโลก ด้วยมีจุดมุ่งหมายให้ประชาชนได้มีโอกาสสักการะบูชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ซึ่งประดิษฐานอยู่ตามวัดวาอารามต่างๆ ในตัวเมืองเชียงราย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในวาระของการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยการอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงราย มาประดิษฐานบนบุษบกที่ได้สร้างขึ้นโดยช่างศิลปินที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงราย จัดเป็นขบวนอัญเชิญไปรอบเมืองเชียงราย ให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสกราบไหว้สักการะบูชาด้วย ข้าวตอก ดอกไม้ จึงถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่เป็นสิริมงคลยิ่งนัก

เทศกาลเข้าพรรษา




     วันเข้าพรรษาเป็นวันสำคัญวันหนึ่งในทางพระพุทธศาสนา เมื่อถึงวันนี้แล้วพระภิกษุสามเณรจะต้องทำพิธีอธิษฐานพรรษา คือ อธิษฐานเพื่ออยู่ประจำในวัดใดวัดหนึ่งที่ตนทำพิธีอธิษฐานนั้นตลอด 3 เดือนในฤดูฝน คือตั้งแต่แรม 11 ค่ำ เดือน 8 จนถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เมื่อถึงวันเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้บำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษ เช่น การถวายผ้าอาบน้ำฝน การถวายจตุปัจจัยไทยธรรมและถวายเทียนพรรษา ซึ่งถือว่าเป็นการถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาระหว่างพรรษา และเพื่อให้ความสว่างในเวลามีพิธีกรรมทางศาสนาในเวลากลางคืน ดังนั้นจังหวัดเชียงรายมีความตระหนักและเห็นความสำคัญจึงได้ยึดเป็นนโยบายหลัก ในการสนับสนุนส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น จึงได้จัดทำโครงการสืบสานประเพณีหล่อเทียนพรรษาขึ้น และจัดขบวนเทียนพรรษาอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี บริเวณสวนตุงและโคมฯ ถนนธนาลัย   


งานตานหาพญามังราย


     เนื่องในวันที่ 26 มกราคม ของทุกปี จะเป็นวันคล้ายวันที่พญามังราย หรือ พ่อขุนเม็งรายมหาราช ได้ทรงสร้างเมืองเชียงรายไว้เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.1805 เทศบาลนครเชียงราย ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน จึงได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลสักการะดวงพระวิญญาณพ่อขุนเม็งรายมหาราชขึ้นในวันที่ 25 มกราคม ของทุกปี ณ วัดดอยงำเมือง ในงานมีกิจกรรมทางศาสนาจัดพิธีกรรมแบบล้านนา ซึ่งประกอบไปด้วย พิธีสักการะบูชาพระสถูป การสืบชะตาเมือง การทำบุญเมือง และการจัดกิจกรรมสมโภชเมือง อาทิ การฟ้อนเล็บ การฟ้อนดาบ และการตีกลองสะบัดชัย เพื่อถวายแด่องค์พ่อขุนเม็งรายมหาราช อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที และการเคารพต่อดวงพระวิญญาณของพระองค์ท่าน โดยพี่น้องชาวเชียงราย และพี่น้องชุมชนในเขตเทศบาลจะเข้าร่วมในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ด้วยการนำพานพุ่ม หรือพานดอกไม้เครื่องบูชาสักการะ ถวายดวงพระวิญญาณพ่อขุนเม็งรายมหาราช เพื่อความร่มเย็นของเมืองเชียงรายและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย
นอกจากพิธีดังกล่าวแล้ว ในช่วงปลายเดือนมกราคมของทุกปี จังหวัดเชียงรายร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจะมีการร่วมกันจัดงานกาชาดประจำปีของจังหวัดเชียงรายหรือที่นิยมเรียกกันว่า "งานพ่อขุนเม็งรายมหาราช" ซึ่งจัดขึ้นประมาณปลายเดือนมกราคมของทุกปี ภายในงานจะมีการออกร้านจัดนิทรรศการของส่วนราชการและเอกชน งานรื่นเริงต่าง ๆ การจัดจำหน่ายสินค้า อาหาร และข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของหวัดเชียงรายได้เป็นอย่างดี

งานปีใหม่เคาท์ดาวน์หอนาฬิกา

งานปีใหม่เคาท์ดาวน์หอนาฬิกา


     มหกรรมงานวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ร่วมนับถอยหลัง(เค้าท์ดาวน์) เพื่อเข้าสู่ปีใหม่พร้อมกัน ณ บริเวณหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ ถนนบรรพปราการ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ภายในงานมีการเปิดการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม การแสดงของวงดนตรี และสลับการแสดงของชุมชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา จากชุมชนและสถาบันการศึกษาในเขตเทศบาลฯ การแสดงกลองบูชาและกลองยาว การแสดงกลองสะบัดชัย โดยจุดนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีการจุดพลุเฉลิมฉลอง และการปล่อยโคมไฟเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว มีฉากหลังเป็นหอนาฬิกาที่สุดอลังการให้นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศได้ชื่นชมความงดงามโดยงานเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม เป็นต้นไป

งานประเพณีเเห่โคมไฟ ไหดอก


     จัดขึ้นเนื่องในวันมาฆบูชา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาและเป็นวันที่เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นหลายประการ คือ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า จำนวน 1,250 รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายกันมาก่อนซึ่งพระสงฆ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์ที่พระพุทธเจ้าอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า และในวันมาฆบูชานี้พระพุทธเจ้าได้แสดงพระโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์ เนื้อหาโดยสรุปคือ ให้ละเว้นความชั่วทุกชนิด ทำความดี และทำจิตใจให้ผ่องใส และเมื่อวันมาฆบูชาได้เวียนมาบรรจบครบรอบทุกปี เทศบาลนครเชียงรายร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายจึงได้ จัดงานประเพณีแห่โคมไฟ ไหดอก ขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเพื่อให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันสร้างบุญกุศลสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป

งานประเพณีตักบาตรเป็งปุ๊ด(ตักบาตรเที่ยงคืน)



     ในครั้งอดีตเมื่อใกล้เวลาประมาณเที่ยงคืน ในคืนวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ จะมีประชาชนจำนวนมากมาร่วมทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ สามเณร ภายในเขตเทศบาลนครเชียงราย ตามถนนสายต่าง ๆ จำนวนหลายร้อยรูป โดยเรียกวันดังกล่าวว่า"วันเป็งปุ๊ด" และมีประวัติ ความเป็นมาสืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่า พระมหาอุปคุตซึ่งเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งที่มีมหาอิทธิฤทธิ์สามารถดลบันดาลโชคลาภวาสนาได้ออกจากการเข้าฌานสมาบัติที่ใต้สะดือทะเลแล้วแปลงกายเป็นสามเณรน้อยออกมาโปรดสัตว์โลกเชื่อกันว่าหากผู้ใดได้ทำบุญตักบาตรพระมหาอุปคุตแล้วบุคคลนั้นถือว่าเป็นผู้มีบุญ จะมีโชคลาภวาสนาร่ำรวยเป็นเศรษฐีและบังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งประเพณีการตักบาตรเที่ยงคืนวันเป็งปุ๊ด ถือเป็นประเพณีล้านนาที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน เพราะว่าแต่ละปีอาจมีวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธ เพียงแค่ 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้งเท่านั้น หลายคนจึงเฝ้ารอที่จะมาทำบุญตักบาตรในวันดังกล่าว เทศบาลนครเชียงรายจึงได้จัดงานประเพณีตักบาตรวันเป็งปุ๊ดเพื่อให้คงอยู่คู่วัฒนธรรมล้านนาของชาวเชียงรายสืบไป

ประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ


     คือ การทำบุญตักบาตร ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก คำว่า เทโว ย่อมาจากคำว่า เทโวโรหนะ ซึ่งแปลว่า การเสด็จลงจากเทวโลก ความเดิมมีว่าในพรรษาที่ 7 นับแต่วันตรัสรู้พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศน์โปรดพระพุทธมารดา จนบรรลุโสดาปัตติผล ครั้นออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 แล้วจึงเสด็จลงจากเทวโลกที่เมืองสังกัสสะนคร ในกาลที่เสด็จลงจากเทวโลก ได้มีเนินเป็นอันเดียวกันจนถึงพรหมโลก เมื่อทรงแลดูข้างล่าง สถานที่นั้นก็มีเนินอันเดียวกันจนถึงอเวจีมหานรก ทรงแลดูทิศใหญ่และทิศเฉียง จักรวาลหลายแสนก็มีเนินเป็นอันเดียวกัน เทวดาก็เห็นพวกมนุษย์ แม้พวกมนุษย์ก็เห็นเทวดา สัตว์นรกก็เห็นมนุษย์และเทวดา ต่างก็เห็นกันเฉพาะหน้าทีเดียว ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเปล่งฉัพพรรณรังสีขณะที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ รุ่งขึ้นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11

ชาวเมืองจึงพากันทำบุญตักบาตรเป็นการใหญ่เพราะไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้ามาถึง 3 เดือน การทำบุญตักบาตรในวันนั้นจึงได้ชื่อว่า ตักบาตรเทวโรหนะ ต่อมามีการเรียกกร่อนไปเหลือเพียง ตักบาตรเทโว เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นและเพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามให้คงอยู่ เทศบาลนครเชียงรายจึงได้จัดงานประเพณี "ตักบาตรเทโว" เพื่อสืบทอดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นประจำทุกปี

แหล่งที่มา http://www.chiangraicity.go.th/content.php?content_id=36